Navigation Menu

เครื่องแบบช่างยุค 60s สู่แฟชั่นสตรีทสไตล์ที่ใครๆก็ใส่ได้


.ชุดหมี’ คืออะไร ?


ชุดหมีที่เราเรียกกันจนติดปาก จริง ๆ แล้วมีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ยุค 60s เริ่มต้นจากการเป็นเครื่องแบบของชนชั้นแรงงานจนพัฒนากลายมาเป็นแฟชั่นในยุคถัดมา เนื่องจากมีแบรนด์ผู้ผลิดยีนส์นำกลับมาดีไซน์ใหม่และดัดแปลงเนื้อผ้ารวมถึงวัสดุต่าง ๆ ให้ทันสมัยมากขึ้นจนกลายเป็นทีนิยมของเหล่าดาราศิลปินในยุค 90s จนทำให้ชุดหมีกลายเป็นแฟชั่นที่ได้รับความนิยมแบบสุด ๆ นับตั้งแต่เวลานั้น วันนี้ MOVER จึงขอนำเสนอไอเดียการแต่งชุดหมีให้เท่และมีสไตล์ โดนใจเหล่าสาวกแฟชั่นวินเทจและสายสตรีทอย่างแน่นอน!


ชุดหมีมีจุดเด่นที่เป็นไอเท็มชิ้นเดียว ใส่ตัวเดียวก็ออกจากบ้านได้เลยไม่ต้องเลือกจับคู่เสื้อกางเกงให้ยุ่งยาก ปัจจุบันชุดหมีพัฒนาไปอย่างก้าวไกลไม่ใช่แค่ชุดใส่ไว้ทำงานช่างอย่างในอดีตอีกแล้ว แต่ตอนนี้มันได้กลายเป็นไอเท็มขวัญใจชาววินเทจไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แบรนด์เสื้อผ้าสตรีทหลาย ๆ แบรนด์ก็นำเอาชุดหมีมาประยุกต์ให้ดูดีมีสไตล์เอาใจคนรักสตรีทแฟชั่นด้วย ทำให้ไม่ว่าจะผ่านไปกี่สิบปี ชุดหมีก็ยังคงวนเวียนอยู่ในอุตสาหกรรมแฟชั่นและสามารถหยิบมาสวมใส่ได้ทุกเวลา แต่เหตุผลที่ว่าทำไมคนไทยถึงเรียกเจ้าชุดนี้ว่า’ชุดหมี’ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชุด เพราะในภาษาอังกฤษเราจะเรียกชุดแบบนี้ว่า ‘Mechanic Jumpsuit’ หรือ‘Mechanic Coveralls’

จะจับคู่กับรองเท้าบูทหนังสักคู่ก็ได้ลุคที่ดูลุย ๆ เหมาะกับวันที่ต้องเดินทาง หรือจะเลือกผ้าใบคู่เก่งสีที่เข้ากับชุดก็เป็นทางเลือกที่ดี แต่ถ้าอยากจะได้ลุคที่ดูวินเทขจขึ้นไปอีกลองพับขากางเกงขึ้นสักนิดแล้วหยิบโลฟเฟอร์หนังสำน้ำตาลหรือดำมาใส่ก็ทำให้ดูดีแบบคลาสสิคสไตล์

หรือใครที่ชอบแฟชั่น Oversized จะนำเอาเทคนิคนี้มาผสมกับแฟชั่นชุดหมีก็ได้เช่นกัน ไม่หลุดคอนเซ็ปท์หนุ่มสายวินเทจแน่นอน ส่วนสาวกScooter หลาย ๆ คนก็คงชื่นชอบชุดหมีกันอยู่แล้ว ลองเพิ่มลูกเล่นด้วยการแต่งชุดหมีด้วยสีที่เข้ากับสีตัวถังรถก็ดูน่าสนใจไม่เบา

เรียกได้ว่าถ้าใครที่ชื่นชอบแฟชั่นอยู่แล้วคงจะได้ไอเดียกาตแต่งตัวกันไปบ้าง แต่ถ้าใครที่ยังกลัวว่าถ้าใส่เจ้าชุดนี้แล้ว จะรู้สึกแปลกๆไม่มั่นใจเท่าที่ควรรึเปล่า MOVER ขอแนะนำให้เริ่มจากสีเรียบ ๆ ก่อนเช่น ดำ น้ำตาล หรือเทา และมีขนาดพอดีตัวดูก่อน ถ้าแต่งแล้วรู้สึกว่ามันโอเคก็ลุยต่อในแบบที่ชอบได้เลย

บทความนี้เรียบเรียงโดยทีมงาน MOVER

0 ความคิดเห็น: